วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Save world for happines


ท่ามกลางภัยธรรมชาติมากมายที่เกิดขึ้นรอบโลกในช่วงห้าปีหลังที่ผ่านมา เป็นสัญญาณเตือนที่ทำให้ชาวโลกได้รู้ว่าเราได้ทำลายธรรมชาติมากเกินสมดุล และเวลาแห่งการปรับตัวของโลกเพื่อคืนสมดุลกลับมานั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
จากสถิติในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เราได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติหมดไปแล้วถึงหนึ่งในสามของทั้งหมดที่เรามีอยู่ นั่นรวมถึงสัตว์ พืช แร่ธาตุ และพลังงาน ต่างๆ ที่เปรียบเสมือนฟันเฟื่องของเวลาที่เหลืออยู่ของโลกใบนี้ต้องหมุนนับถอยหลังเร็วขึ้น
แม้ทุกคนจะตระหนักได้ดีถึงการเตือนภัยนี้ แต่ก็ยังมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อยากจะเข้ามาใส่วนร่วมอย่างจริงจังในการชะลอเวลาหรือบรรเทาปัญหาของโลกใบนี้ให้น้อยลง อาจเนื่องมาจากปัญหาที่ใหญ่มากเกินกว่าความรู้ของเราที่จะเข้าถึง ซับซ้อนเกินกว่าจะมีเวลามาสนใจ หรือการจะช่วยโลกเนี่ยมันยากขนาดนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นแล้วกัน ไม่เว้นแต่ตัวผมเองที่รู้สึกว่าจะมาทำอะไรกันเฉพาะวันสำคัญวันหนึ่งพอเลิกเห่อแล้วก็ลืม ไม่ทำดีกว่า ทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้เราหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องบ้าบอวัตถุนิยมการเมืองนามธรรม ที่ดูแล้วจะมีคุณค่ากว่าซึ่งไม่จริงเลย เพราะถ้าโลกยังไม่สงบเต็มไปด้วยภัยธรรมชาติที่ยากจะคาดเดาแล้วเราจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรจริงไหม
บางคนอาจะคิดแตกออกไปอีกว่า แล้วมันจะแก้ปัญหาทันหรอ บอกได้เลยว่ามันจะสะสมนานมาก นักวิทยาศาสตร์หลายท่านการันตีว่าไม่ทัน แต่สามารถบรรเทาได้ คำถามต่อไปคือ ถ้าสุดท้ายก็ไม่ทันแล้วจะทำเพื่ออะไร เอาให้มันเต็มที่ ใช้พลังงานให้หมดให้มันคุ้มค่าไปเลยดีกว่า อยากจะบอกว่าอย่าใจร้อนตัดสินอนาคตของตัวเองและลูกหลานด้วยอามรมณ์ชั่ววูบ มนุษย์เราควรจะมีความหวัง เพราะหนทางแห่งการบรรเทานั้นก็ช่วยยืดเวลาให้คนรุ่นต่อไปได้นำความรู้ใหม่ๆมาปรับจูนโลกของเราได้
ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้ต้องการจะบอกให้ทุกคนมาเรียนวิทยาศาสตร์หรือออกจากงานมากู้โลก แต่อยากนำเสนออีกมุมมองที่เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว พร้อมแล้วไปดูกันเลยดีกว่าว่าสองมือเล็กๆของเราจะช่วยโลกใบใหญ่ด้วยวิธีไหนได้บ้าง

01
การดื่มน้ำอัดลมนอกจากจะทำให้อ้วนแล้วยังเพิ่มปริมาณขยะในประเภทของขวดให้กับโลกใบนี้ถึงปีละ 1.3 แสนล้านขวดต่อปี ซึ่งต้องใช้วิธีกำจัดด้วยการฝังกลบและเผาด้วยเตาความร้อนสูง ส่งผลให้เป็นสาเหตุของอุณหภูมิโลกสูงขึ้นได้

02 ถุงพลาสติกที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ทั่วโลก เราใช้มัน หนึ่งล้านถุงทุกๆหนึ่งนาที คิดเป็นปีละหนึ่งล้านล้านใบและในหนึ่งปีคนไทยใช้ถุงพลาสติกนำมาต่อกันได้ระยะทางไปกลับดวงจันทร์ถึงเจ็ดรอบ จากข้อมูลจำนวนที่กล่าวไป ถ้าคิดว่าเยอะแล้ว มาดูกันว่าการย่อยแบบปกตินั้นต้องใช้เวลามากถึง 450 ปี ฉะนั้นการใช้ถุงผ้าสัปดาห์ล่ะหนึ่งวัน จะช่วยลดการให้ถุงพลาสติกได้มากกว่า 100 ล้านถุงต่อปี

03 ลองเปลี่ยนมาทานอาหารมังสวิรัติอาทิตย์ละวัน นอกจากจะช่วยให้สุขภาพดี ระบบย่อยไม่ทำงานหนักแล้ว ยังสามารถทำให้โลกน้อยลงด้วย เพราะสัตว์เช่นวัวที่เราเอาเนื้อมาประกอบอาหารนั้น ในกระบวนการเลี้ยงจะก่อแก็สมีเทนซึ่งส่งผลให้โลกร้อนได้โดยตรง และยังสิ้นเปลืองทรัพยากรในการเลี้ยงดู รวมถึงวิธีการขนส่งที่สูงกว่าพืชผักผลไม้ด้วย

04 หลายคนเป็นโรคคล้ายกันระบาดไปทั่วคือ ตืดจอคอมพิวเตอร์ ใช้บ่อยจนไม่อยากปิดเครื่อง ซึ่งนอกจากจะไม่ดีต่ออายุการใช้งานแล้วยังเปลืองพลังงานไฟฟ้าอีกด้วย เพราะถ้าเราใช้คอมพิวเตอร์แค่วันละแปดชั่วโมงจะช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 810 กิโลวัตต์ต่อปี สรุปลดไปได้ 67%  ต่อปี คำนวณเล่นๆแค่ลดค่าไฟที่ต้องจ่ายก็เหลือเงินไว้กินขนมได้หลายมื้อเลย

05 การเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ไม่ฟอกสีจะช่วยลดพลังงานในการผลิตได้ถึง 50% ต่อตัว และสารเคมีที่ใช้ฟอกจะไม่เป็นอันตรายต่อคนย้อม คนใส่ และสิ่งแวดล้อมด้วย ถ้าวัยรุ่นคนไหนจะซื้อเสื้อใหม่ลองเปลี่ยนไปเป็นผ้าที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติหรือที่ได้รับการรับรองว่าเป็นมิตรกับธรรมชาติ ก็สบายใจหายห่วงได้

แม้จะมีคำทำนายมากมายของปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เป็นข่าวร้ายของโลก แต่ตราบใดที่มันยังไม่เกิดเราทุกคนก็ยังมีหวัง มีหนทางที่จะบรรเทาปัญหาของโลกได้ ด้วยการเริ่มจากเรื่องใกล้ตัวเพราะมันทำได้ง่าย ทำได้ทันทีและไม่เสียเวลามากมายนัก หรือแม้แต่ถ้ามันเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น มนุษย์ก็ควรจะเรียนรู้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติอย่างมีความสุขทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ขาดความเคารพและพยายามเอาชนะธรรมชาติ มิเช่นนั้นวันที่จะได้เห็นมนุษย์กับธรรมชาติอยู่ด้วยกันอย่างสันติคงไม่มีทางเกิดขึ้น คล้ายกับช่วงเวลานี้ที่เหมือนธรรมชาติจะโกธรและส่งภัยธรรมชาติไปเกือบทุกพื้นที่โดยไม่แคร์สถิติที่ผ่านมาเลย




ที่มา: นิตยสาร miracle of life

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น